Office 095 456 9145
watcharapol@jmeoverseas.com
Line ID @JMEOVERSEAS
Facebook
YouTube
Instagram
  • HOME
  • OUR TEAM
  • STUDY IN UK
    • Boarding School
    • Language School
    • Summer Camp
    • University
  • PROMOTIONS
  • VISA SERVICE
  • BLOG
    • LIFE IN UK
    • UK TIPS
    • ENGLISH LANGUAGE
  • CONTACT US

ไปใช้ชีวิตเชฟที่สวิส คิดแล้วคุ้ม!

กรกฎาคม 21, 2019ไม่มีความเห็นAdmin BB

สวัสดีครับผมตูนครับ อายุ 24 ปี จบการศึกษาปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยศิลปากร (Vatel) และเพิ่งกลับมาจากสวิสเซอร์แลนด์ได้ไม่กี่วันเองครับ!!!

วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ที่ได้จากการไปเรียน และฝึกงานที่สวิสเซอร์แลนด์เป็น เวลา 1 ปีครับ หลังจากที่จบ ป.ตรี ผมก็ได้มีความตั้งใจที่จะไปศึกษาต่อด้านการทำอาหาร จริงๆตอนแรกผมก็ยังไม่มีไอเดีย ว่าจะไปเรียนต่อที่ไหนดี จนวันนึงผมได้ไปเดินงานศึกษาต่อต่างประเทศจัดขึ้นโดยสำนักงาน ก.พ. ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี แล้วผมก็ได้มาเจอกับ บูท ของสถาบัน B.H.M.S .ซึ่งตอนนั้นบอกตรงๆว่า ผมยังไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับสถาบันนี้เท่าไหร่เลยครับ แต่พอได้ลองคุยกับเจ้าหน้าที่ดู ผมก็เริ่มมีความสนใจ เลยได้ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานบันนี้พร้อมทั้งคำแนะนำจากพี่ๆ จนในที่สุดผมก็ได้ตัดสินใจครั้งใหญ่ ที่จะไปหาความท้าทายในการเรียนต่อในต่างแดน

ผมรู้ว่าค่าใช้จ่ายที่สวิสค่อนข้างสูง แต่เมื่อผมมีโอกาส ผมก็คงต้องคว้ามันเอาไว้ครับ ผมไม่รู้ว่าอนาคตของผมที่สวิสจะเป็นไปอย่างไร แต่ผมรู้เเค่ว่าผมจะทำมันให้ออกมาให้ดีที่สุด เมื่อการเดินทางครั้งใหม่ของผมได้เริ่มต้น มันค่อนข้างตื่นเต้นมากๆ เพราะผมต้องไปเรียนรู้ในต่างแดนเป็นครั้งแรก

การมาเรียนของผมในครั้งนี้โชคดีมากๆที่ได้เจอกับบริษัท เจ๊หมีโอเวอร์ซีส์ ที่คอยให้คำแนะนำเรื่องเรียนต่อและช่วยดูแลทั้งเรื่องเอกสารสมัครเรียน ติดต่อกับมหาลัยและเอกสารทำวีซ่าต่างๆ นอกจากนี้ยังเคยบินมาเยี่ยมผมถึงที่สวิสด้วยครับ

เรียน 6 เดือน ฝึกงาน 6 เดือน

ช่วงเรียน  6  เดือนแรก

ต่อจากนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ของผมในช่วง 6 เดือนแรกให้ฟังกันครับ สวิสเซอร์แลนด์ถือว่าเป็นประเทศในฝันของใครหลายๆคน เนื่องจากความสวยงามของธรรมชาติที่นี่มันน่ามหัศจรรย์มากๆ เลยครับ ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของประเทศนี้ ผสมผสานเข้ากับความงดงามของธรรมชาติ ทำให้เป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกอยากมาสัมผัสประสบการณ์ที่ประเทศนี้ ผมก็เป็นหนึ่งคนที่อยากจะหาโอกาสมาประเทศนี้ให้ได้ซักครั้งก่อนตายครับ แล้วความฝันผมก็ใกล้ความจริงแล้วครับ

การมาศึกษาต่อที่นี่ ผมเลือกที่จะศึกษาต่อในด้านการบริหารจัดการในครัว ในหลักสูตร Post graduate in culinary art หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับคนที่จบ ป.ตรีด้านใดมาก็ได้ และมีความสนใจทางด้านอาหาร หรือต้องการที่จะหาประสบการณ์ในด้านการบริหารจัดการในครัวครับ ที่ผมเลือกมาเรียนต่อก็เพราะเป็นสายที่ผมเลือกเรียนมาตั้งแต่ปริญญาตรี และก็เป็นความชอบส่วนตัวของผม ที่อยากจะพัฒนาความรู้ด้านอาหารให้มากกว่านี้ การเป็นเชฟนั้นสำหรับผมนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ผมรู้ว่าในครัวนั้นมันไม่ได้สบายเหมือนกับที่หลายๆคนคิดไว้

การที่ผมได้มาศึกษาต่อที่นี่ ผมได้แง่คิด ในการใช้ชีวิตหลากหลายรูปแบบ ผมได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกับคนหลากหลายรูปแบบ มันสอนให้ผมได้เรียนรู้จักการวางตัวให้เข้ากับสังคมในรูปแบบที่ต่างกันออกไป เพราะการมาเรียนที่นี่มีนักศึกษามาจากทั่วทุกมุมโลก ดังนั้นการวางตัวถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากๆ

ส่วนหลักสูตรที่ผมเลือกมาเรียนจะประกอบไปด้วยภาควิชาการและก็ภาคปฎิบัติครับ จะเรียนทั้งหมด 6 เดือน แบ่งเป็น 4 เทอม โดยที่ 1 เทอมจะเรียนประมาน 1 เดือน ละมีพักราวๆ 2 สัปดาห์ครับ ในหนึ่งอาทิตย์จะเรียนอยู่ประมาน 4 วัน วันเสาร์ และวันอาทิตย์ จะได้พักในส่วนของภาควิชาการ นักเรียนก็จะได้เรียนรู้วิชาที่เกี่ยวข้อง และสอดคล้องกับสายอาชีพเชฟ อาทิ เช่นวิชาการคำนวนต้นทุนอาหารในร้านอาหาร การออกแบบเมนูในร้านอาหาร วิชาไวน์และการนำไวน์ไปทานคู่กับอาหาร วิชาสุขอนามัยในห้องครัว หรือ HACCP มากกว่านั้นที่นี่ยังมีสอนวิชาภาษาเยอรมันควบคู่ไปในแต่ละอาทิตย์ด้วย

ในส่วนของภาคปฎิบัติหลักสูตร PGD จะเริ่มเรียนตั้งแต่วิชาพื้นฐานในครัว เช่น การหั่นผักแบบต่างๆ การทำซุปและการทำซอสพื้นฐาน เพื่อนักเรียนจะได้นำความรู้ขั้นพื้นฐานไปต่อยอดในวิชาครัวเทอมต่อๆไป เพราะหลังจากเทอมแรก นักเรียนจะได้ลงมือทำอาหารเอง โดยเชฟจะมีเมนูอาหารของแต่ละประเทศที่ขึ้นชื่อมาให้นักเรียนได้ทำกันจริงๆ พอเข้าเทอมที่ 3 นักเรียนจะได้มีโอกาสคิดเมนูกันในกลุ่มว่าอยากจะทำอาหารจากประเทศไหนที่อยู่ในโลกนี้ก็ได้ โดยมีข้อกำหนดว่า ต้องทำ starter, main dish and dessert มากกว่านั้นในเทอมที่ 3 และเทอมที่ 4 นักเรียนจะต้องทำอาหารให้กับนักเรียนคนอื่นๆที่ได้ลงทะเทียนมารับประทานอาหารที่ห้องอาหาร bistro 57 โดยจะจัดขึ้นสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ในช่วงกลางวันหรือช่วงค่ำขึ้นอยู่ว่าตารางเรียนของพวกเราจะเรียนตอนช่วงกี่โมงครับ

และที่สำคัญคือ ในแต่ละเทอมนักเรียนจะต้องมีการสอบวัดความรู้ด้านอาหารที่ได้เรียนไปในแต่ละเทอมโดยที่จะมีเกรดเป็นตัวตัดสินว่า นักเรียนคนไหนมีความสนใจและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ในส่วนตัวของผมที่ชอบมากๆในวิชาครัวที่นี่ก็คือ เชฟจะสอนให้นักศึกษารู้จักวางแผนก่อนการเริ่มทำงาน นักเรียนจะต้องรู้ว่าควรทำสิ่งใดเป็นลำดับแรก โดยให้ความสำคัญกับสิ่งที่จำเป็นมากที่สุดไปยังน้อยที่สุดตามลำดับ เพื่อเวลาทำงานจะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาด หรือเกิดข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด

นักเรียนยังได้รู้จักคิดและวางแผนการทำงานด้วยตัวเอง โดยจะมีเชฟคอยให้คำแนะนำอยู่เบื้องหลัง ความคิดสร้างสรรค์ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ที่นักเรียนจะได้เรียนรู้จากเชฟมืออาชีพ คอยสอนหรือแนะแนว แนวทางให้ ในแต่ละสัปดาห์ ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่า ทักษะ ความรู้เรื่องอาหารในครัว ผมพัฒนาขึ้นทุกสัปดาห์ สำหรับที่ B.H.M.S. จะใช้ระบบ e-campus ในการส่งงานให้อาจารย์และนักเรียนสามารถเช็คข้อมูลสำคัญผ่านทาง e-campus ได้ครับ เช่น เช็คคะแนนสอบ เช็คว่าทางมหาลัยจะมีนัดพูดคุยกับนักศึกษาเมื่อไร เป็นต้นครับ

ชีวิตที่ลูเซิร์น

ที่ผมได้เล่ามาให้เพื่อนๆได้ฟังไปคร่าวๆเกี่ยวกับหลักสูตรที่ตัวผมได้มาเรียน ต่อจากนี้ ผมจะมาเล่าให้เพื่อนๆพี่ๆหรือน้องๆ ได้รู้เกี่ยวกับสถาบันในระดับนึง ก่อนที่จะได้มีโอกาสมาศึกษาต่อกันครับ B.H.M.S. ตั้งอยู่ที่เมืองลูเซิร์นครับ เมืองนี้ถือว่าเป็นเมืองที่สงบเงียบและสวยงาม มีภูเขาและแม่น้ำไหลผ่านตัวเมือง

และที่สำคัญคือเขามีห้องพักไว้ให้กับนักเรียนที่จะมาเรียนต่อ โดยในห้องพักก็จะมีอุปกรณ์เครื่องใช้ที่จำเป็นไว้ให้นักเรียนเรียบร้อยครับ เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว ถ้วยชาม ช้อนส้อม บางห้องก็อาจจะมีเตารีดละโต๊ะรองรีดไว้ให้ครับ (มาจากนักเรียนที่พักมาก่อนซื้อมาละไม่เอากลับไปครับ 555) มีบริการให้ยืมเครื่องดูดฝุ่น และมีบริการซักผ้าอบผ้า โดยที่นักเรียนจะต้องเติมเงินเข้าไปในบัตรซักผ้าครับ โดยซักผ้าครั้งนึงจะอยู่ราวๆ3 chf ครับ

สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบช็อปออนไลน์ สามารถสั่งของจากที่ไทยหรือประเทศอื่นๆ แล้วให้มาส่งที่ front office ของมหาลัยได้เลยครับ ส่วนเรื่องอาหารต้องกังวลเลยครับเพราะเค้าจะมีอาหารให้กับนักเรียนทั้งหมด 3 มื้อครับ โดยจะเป็นอาหารในรูปแบบ buffet หรือ กินเท่าไหร่ก็ได้ครับ แต่มีข้อแม้ว่าวัน จ.-ศ. นักเรียนจะต้องแต่งชุดสูทให้เรียบร้อยตามกฎระเบียบของทาง มหาลัย พร้อมกับต้องนำบัตรนักเรียนมาสแกน ทุกครั้งก่อนเข้าห้องอาหารด้วยครับ ในส่วนของวันเสาร์กับวันอาทิตย์นักเรียน สามารถแต่งชุดไปรเวทเข้ามาทานได้แต่มีข้อแม้ว่าห้ามใส่รองเท้าแตะ, กางเกงขาสั้น และก็กางเกงกีฬาเข้ามารับประทานอาหารโดยเด็ดขาดครับ ขอบอกไว้ก่อนครับคนตรวจที่นี่เข้าเข้มงวดจริงๆนะครับ

มากกว่านั้นทางมหาลัย ก็จะมีพาไปเที่ยวชมสถานที่ ที่น่าสนใจของประเทศสวิสในแต่ละสัปดาห์ แต่ตารางสถานที่ ที่มหาลัยจะพาไป นักเรียนสามารถเช็คได้ใน e-campus.bhms.ch ครับ สำหรับคนที่อยากไปจะต้องมาลงทะเบียนให้ทันในเวลาครับ เพราะบางรอบก็รับจำนวนจำกัด โดยเฉพาะการพาไปที่ที่ ขึ้นชื่อ เช่น เขา Pilatus หรือ สวนสนุก Europa Park เป็นต้นครับ

ในกรณีที่ใครกำลังสนใจว่าจะมาเรียนต่อที่สวิสเซอร์แลนด์แล้วมีหลายๆคนบอกว่าพวกเครื่องปรุงอาหารไทยหายาก อันนี้ผมขอบอกเลยครับว่าไม่จริงเลยครับ!! เพราะตัวผมก่อนจะมาก็มีคนบอกให้ซื้อของจากไทยไปเยอะๆเลยครับ พอมาจริงๆที่เมืองลูเซิร์นก็มีร้านขายวัตถุดิบไทย ที่เราใช้กันทั่วไปในครัวเรือนบ้านเรา ร้านนี้ชื่อว่าร้าน”เซี่ยงไฮ้” ครับ อยู่ไม่ไกลจากที่พักเลย สามารถเดินจากมหาลัยไปได้ครับ มากกว่านั้นละแวกมหาลัยก็มีร้านสะดวกซื้ออยู่อีก 3 แห่งครับ ก็คือ Coop, Migros และก็ Aldi แต่เพื่อนๆไม่ต้องจิตนาการว่าเหมือน Seven Eleven บ้านเรานะครับ แตกต่างกันโดนสิ้นเชิง โดยส่วนตัวผมชอบ Seven Eleven มากกว่าเพราะเขามีอาหารหลากหลายกว่าครับ

ในลูเซิร์นก็มีร้านอาหารไทยอยู่หลายร้านครับ และอร่อยพอๆกับทานที่บ้านเราเลยละครับ แต่ว่าราคาของอาหารไทยที่สวิสเซอร์แลนด์แพงกว่าเป็นสิบเท่าเลยครับ สำหรับคนที่เป็นสายปาร์ตี้ก็ไม่ต้องกังวลไปครับ ใกล้ๆมหาลัยก็จะมีผับที่ชื่อว่า princess ลูกค้าที่นี่ส่วนมากก็เป็นนักเรียนจาก B.H.M.S. ครับและแน่นอนนักเรียนก็ได้รับส่วนลดด้วยครับผม

อีกเรื่องที่ผมอยากจะแนะนำก็คือเรื่องการทำบัตรรถไฟและรถโดยสารของประเทศสวิสครับ อันนี้จำเป็นมากๆจริงๆครับ บัตรจะมีชื่อว่า half price card กับ after seven card เพื่อนๆสามารถทำพร้อมกันหรือใครที่คิดว่าอยากจะทำแค่อันใดอันหนึ่งก็ได้ครับ แต่ผมแนะนำว่าควรทำทั้งคู่ครับ เพราะเจ้าบัตรตัวนี้จะช่วยประหยัดค่าเดินทางเวลาไปเที่ยวหรือไปสัมภาษณ์งานได้เยอะเลยทีเดียว โดยที่บัตร half price card จะช่วยลดค่าโดยสารเวลาจะเดินทางไปที่อื่นๆ ลดราคาได้เกือบครึ่งนึงของราคาเต็มเลยครับ แต่มีข้อแม้ว่าต้องซื้อตั๋วรถไฟไว้ร่วงหน้าซัก 2-3 วันครับ และในส่วนของบัตร after seven เพื่อนๆสามารถใช้ขึ้นรถไฟหรือรถบัสหลัง 19.00-05.00 ได้ฟรีเลยครับ แต่!! มีข้อแม้ว่าต้องขึ้นรถโดยสารหรือรถไฟ จากสถานีต้นทางและไปถึงสุดหมายปลายทางไม่เกินตี 5 ครับผม (อันนี้ต้องขออภัยครับผมจำไม่ได้ว่าถ้ามีอายุเกินเท่าไรถึงทำไม่ได้ครับ)

อีกหนึ่งคำแนะนำสำหรับคนที่กลัวหนาวนะครับ เพราะผมก็เป็นคนนึงที่ไม่ชอบอากาศหนาวจัด การเตรียมเสื้อกันหนาวมาที่นี่ครับ เพื่อนๆไม่จำเป็นต้องแบกเสื้อกันหนาวมาคนละ 4-5 ตัวนะครับ เพราะอาการที่นี่จะหนาวจัดในส่วนของพื้นที่ที่อยู่บนภูเขาครับ แต่ถ้าในเมืองที่ไม่ได้ติดภูเขาขนาดนั้นอากาศหนาว ก็จะอยู่ประมาน –5 ถึง 10 องศาครับ ซึ่งจริงๆแล้วใส่แค่ over coat ตัวนึงกับใส่พวกเสื้อ heattech และก็เสื้อยืดอีกหนึ่งตัวก็พอละครับ ส่วนหมวกกันหนาวก็ไม่จำเป็นมากครับ แต่ถ้าจะไปขึ้นเขาก็เอาไปเผื่อได้ครับ ส่วนถุงมือก็มีพกไว้ก็ดีครับอันนี้ก็เป็นคำแนะนำเล็กๆน้อยๆให้กับคนที่เตรียมตัวจะมาเรียนที่สวิสนะครับ

ฝึกงานต่ออีก 6 เดือน

ผมก็ได้เล่าเรื่องราวข้อมูลไว้ให้พี่ๆเพื่อนๆน้องๆได้รับรู้กันมาระดับนึง ต่อจากนี้ไปผมขอกระโดดข้ามไปเล่าประสบการณ์ชีวิตของผม ตอนที่ใกล้จะไปฝึกงานกันครับ ผมเชื่อว่านักเรียนหลายๆคน ก็มีความฝันที่อยากจะทำงานในองกรค์ที่ดีๆและมีชื่อเสียง

สำหรับผมก็เช่นกันครับ ผมจึงอยากมาเล่าประสบการณ์ของผม ให้เพื่อนๆได้มีโอกาสเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะมาเรียนที่ประเทศสวิสกันครับ แน่นอนว่าที่นี่เขาใช้ ภาษาสวิส-เยอรมันเป็นหลักครับ แต่ภาษาที่คนที่นี่จะใช้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปส่วนไหนของประเทศสวิสครับ ตัวอย่างเช่นเราอยากไปฝึกงานแถวฝรั่งเศส หรือ อิตาลี ภาษาท้องถิ่นของเขาก็จะใช้ เป็นภาษาฝรั่งเศล หรือ อิตาลีเป็นหลักครับ สำหรับคนที่มีพื้นฐานในภาษาเยอรมันดีในระดับนึง หรือ คนที่พูดฝรั่งเศล หรือ อิตาลีได้ ก็ถือว่าสบายเลยทีเดียวครับในส่วนของการหาที่ฝึกงาน เพราะคนที่นี้เขาจะพิจารณาจากภาษาเป็นหลักเลยครับ

ตัวของผมเองต้องบอกว่าเป็นคนที่พูดภาษาเยอรมันไม่ได้เลยครับ แต่พอมีพื้นฐานภาษาฝรั่งเศลอยู่บ้าง ตอนแรกผมก็ตั้งใจจะหาที่ฝึกงานในส่วนของสวิสที่ติดกับฝรั่งเศลครับ แต่โชคชะตาก็ไม่เป็นใจครับ เพราะ Placement ของตำแหน่งฝึกงานในช่วงที่ผมไปฝึกงานไม่ค่อยมีว่างเลยครับ และบางโรงแรมดังๆเขาก็ต้องการคนที่พูดภาษาฝรั่งเศลได้เลย ในส่วนของเรื่องการฝึกงานทางมหาลัย ก็จะช่วยหาที่ฝึกงานให้นักศึกษา แต่ไม่ใช่ว่านักศึกษาทุกคนจะได้ที่ที่ตัวเองสนใจ เพราะมหาลัยต้องดูแลนักศึกษาหลายคน ดังนั้นพวก placement ฝึกงานที่ดีๆ ทางมหาลัยเขาก็จะพยายามหานักเรียนที่มีความสามารถตรงตามที่โรงแรมนั้นๆสนใจให้ได้ไปสัมภาษณ์งานก่อน ๆ

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาผมก็ได้ลองส่ง Resume ไปให้กับโรงแรมที่ผมสนใจมากกว่า 30 ที่ด้วยตัวเองครับ แต่ผลสรุปก็คือไม่มีที่ไหนรับผมเลยครับ555 แต่ผมก็ยังไม่ยอมแพ้ครับที่จะหาที่ฝึกงานดีๆ เพราะมันสำคัญมากๆสำหรับโปรไฟล์ของตัวเราเองมากๆ และในที่สุดผมก็โชคดี เชฟที่ผมสนิทด้วยในมหาลัย เขาก็ช่วยหางานในผมที่เมือง ซูริคครับ เป็นโรงแรม4ดาว ที่นั้นมีร้านอาหารฝรั่งเศลที่ชื่อว่า Quaglinos ถือว่าเป็นครั้งแรกของผมที่ได้ทำงานในร้านอาหาร

จากประสบการณ์ฝึกงานที่สวิสมา 6 เดือนครับ ผมต้องบอกว่าการฝึกงานที่นี่ได้เงินเยอะจริงๆครับ ไม่ได้โกหกครับ รายได้ที่ได้จะอยู่ที่ 2,190 Chf หรือ ตีเป็นเงินไทยก็ราวๆ 70,000 บาทครับ ส่วนนี้ยังไม่รวมทริปนะครับ (ในกรณีที่ร้านหรือโรงแรมมีให้ครับ) แต่ค่าใช้จ่ายมันก็เยอะเช่นกันครับ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเพื่อนๆเลือกที่จะไปฝึกงานที่เมืองไหน ถ้าเป็นเมืองใหญ่อย่าง Zurich, Geneva, or Bern แน่นอนครับว่าค่าครองชีพของเมืองเหล่านี้ก็จะแพงครับ รวมไปถึงค่าห้องพักสำหรับฝึกงานด้วยครับ  แต่ก็แลกกับการที่เพื่อนๆได้อยู่ในแหล่งช้อปปิ้ง และก็พวกการเดินทางของเมืองใหญ่จะสะดวกมากๆครับ ของผมโชคดีตรงที่ทางร้านอาหารที่ผมทำงาน เขามีห้องพักให้ครับ โดยผมจ่ายอยู่ที่ 500 Chf หรือราวๆ 15,000 บาท ต่อเดือนครับ อันนี้ถือว่าไม่แพงมากครับ เพราะส่วนมากที่พักค่อนข้างดีที่นี่ จะมีราคาต่อเดือนอยู่ที่ 650 Chf ถึง 850 Chf ครับ การเดินทางของผมไปทำงานก็ต้องนั่งรถรางไฟทำงาน ดังนั้นผมจึงทำบัตรโดยสารรายเดือน โดยตกเดือนละ 62 Chf ครับ แต่มีข้อแม้ว่าอายุต้องไม่เกิน 24ปีครับ ผมถือว่าโชคดีครับที่อายุ 24ปี พอดีครับ ไม่งั้นต้องจ่ายถึงเดือนละ 110 Chf

การทำงานที่นี้ตลอดระยะเวลา 6 เดือนผมได้เรียนรู้ระบบงานภายในห้องครัว ตั้งแต่การบริหารและจัดการระบบตู้แช่เก็บวัตถุดิบให้อย่างเหมาะสม การจัดว่างของที่ควรนำมาใช้ก่อนหรือหลัง หรือที่เรียกว่า FIFO ระบบการจัดการภายในครัวถือว่าสำคัญมาก ในช่วง 3 เดือนแรก ผมได้เรียนรู้ในส่วนของครัวเย็น จะเป็นพวก การทำสลัดและก็พวกน้ำสลัด การหั่นและจัดเตรียมผักในแต่ละรูปแบบ การทำขนมหวาน และในส่วนของ 3 เดือนสุดท้าย ผมได้ทำในแผนกครัวร้อน ก็จะมีความซับซ้อนและต้องใช้ความรวดเร็วมากกว่าในส่วนของครัวเย็น ถือว่าเป็นการฝึกสมาธิได้อย่างดีเลยละครับ

สิ่งที่ผมประทับใจมากๆจากการที่ได้ทำงานที่ร้านอาหารนี้ก็คือ หัวหน้าเชฟเขาจะ พูดกับผมเสมอว่าผมจะสอนคุณให้ทำงานเหมือนเครื่องจักร มันอาจจะฟังดูแปลกๆนะครับ แต่อันที่จริงมันคือเรื่องที่ดีมากครับ เพราะการทำงานในห้องครัวเราจะเน้นความแม่นยำ ถูกสุขอนามัย สดใหม่ และต้องทำงานด้วยความรวดเร็ว เพราะมันต้องแข่งกับเวลาครับ เชฟเขาจึงเปรียบเทียบกับเครื่องจักรครับ การทำงานร่วมกับฝรั่งสิ่งที่ผมเห็นได้ชัดก็คือ เวลาทำงานก็คือต้องทุ่มเทไปกับงาน อาจจะมีโดนด่าโดนว่า มันก็เป็นเรื่องปกติครับ แต่พอเราเสร็จงานทุกคนก็กลับมาเป็นเพื่อนกัน คุยกันสนุกสนานตามเดิมครับ

ผมชอบความมีสปิริตของเชฟที่นี่มากๆครับ และอีกอย่างที่ผมชอบมากๆก็คือเชฟที่นี่เขาสอนผมทุกๆอย่างที่ผมไม่รู้ โดยที่เขาไม่มีที่จะไม่บอก และเชฟจะชอบพูดกับผมเสมอว่าถ้าคุณไม่รู้อะไร คุณต้องถามละผมจะสอนคุณให้คุณเข้าใจอย่างชัดเจน มันคือประโยชน์ของคุณ ที่คุณควรจะได้รับเอาไป ก่อนที่ผมจะฝึกงานจบในช่วงอาทิตย์สุดท้าย เชฟของผมก็มีเซอร์ไพรส์ให้กับผม โดยให้หนังสือครัวกับผมพร้อมลายเซ็นของพนักงานทุกคนในเล่มนี้ และก็มีการถ่ายรูปรวมกับเจ้าของโรงแรมและก็พนักงานทุกคนในโรงแรม มันทำให้ผมรู้สึกประทับใจมากๆ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนที่นี่เป็นบ้านหลังที่ 2 ของผมเลยครับ หลังจากฝึกงานเสร็จผมและพนักงานทุกคนก็ได้จากลากันด้วยความยินดีครับ

ก่อนที่ผมจะบินกลับมาที่ไทย ผมมีเวลาว่างอยู่ราวๆ  1 เดือนครับ ผมได้ทำแพลนการเที่ยวในสวิส ไว้กับเพื่อนที่มาเรียนด้วยกัน โดยผมได้เที่ยวในทุกภาคของสวิสเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ และก็ได้ไปตามสถานที่สำคัญของสวิสมาเกือบหมดละครับ ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยครับ ว่าประเทศนี้คือสวรรค์ของนักท่องเที่ยวครับ ความงดงามของธรรมชาติที่หาที่อื่นมาเปรียบเทียบด้วยได้ยาก เหมือนมีมนต์สะกดเอาไว้ผสมกับความเป็นระเบียบไม่วุ่นวายของคนในประเทศนี้

ทำให้ผู้คนมากมายที่ได้มาประเทศนี้แล้วกลับไปละพูดได้เต็มปากว่า สวิสเซอร์แลนด์ถ้าไม่มาถือว่าพลาดครับ ก่อนจากกันไปผมก็อยากจะให้ เพื่อนๆพี่ๆหรือน้องๆ ที่ได้อ่านบทความของผมอันนี้ไปแล้ว ที่กำลังจะตัดสินใจไปเรียนต่อที่สวิสเซอร์แลนด์ ผมบอกได้เลยครับว่าถ้ามีโอกาสไปเรียนต่อไปกันเถอะครับ เพราะไปแล้วจะไม่ผิดหวังแน่นอนครับ และในส่วนของเพื่อนๆพี่ๆหรือน้องๆ คนไหนกำลังมองหา Agent ที่ใจดีและน่ารักคอยดูแลนักเรียนทุกคนอย่างเต็มที่แล้วละก็ ผมแนะนำให้ไปติดต่อที่เจ๊หมี เจ๊หมีโอเวอร์ซีส์ ได้เลยครับผม

ขอบคุณมากๆครับ

: Beyond-boarders, BeyondBoarders, LifeinUK, Switzerland, UKlife

Related Articles

4 ข้อดี ของการเรียน Summer ที่ต่างประเทศ

ธันวาคม 23, 2018Admin BB

แนะนำ Bishopstrow College

ธันวาคม 23, 2018Admin BB

5 แบรนด์ช๊อคโกแลตที่ปังสุดแห่งสวิตเซอแลนด์

มีนาคม 11, 2018Admin BB

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Contact Us

เรื่องล่าสุด

  • เรียน ENG 🇬🇧 เติม Vitamin SEA 🏝 ที่ London School of Commerce เพียง 219 บาท/ชั่วโมง 💰🐻✈️⁣
  • #เรียนภาษาที่อังกฤษ ค่าเรียนถูกมาก! @Burlington เฉลี่ยเพียงสัปดาห์ละ 6,800 บาท!
  • STUDY TOUR IN TOTNES – ไปซัมเมอร์ที่อังกฤษ 2020
  • STUDY TOUR IN LONDON 2020 – ไปซัมเมอร์ที่อังกฤษ 2020
  • British Boarding Taster 2020 – ทดลองเรียนและใช้ชีวิตในโรงเรียนประจำบริทิชขนานแท้ 2020

หมวดหมู่

  • BLOG
    • ENGLISH LANGUAGE
    • Event
    • LIFE IN UK
    • UK TIPS
  • Gallery
  • PROMOTIONS
  • SUMMER CAMP
  • Template
  • Uncategorized

ป้ายกำกับ

AcademicEnglish Adcoteschool Beyond-boarders BeyondBoarders BeyondSpring2019 BeyondStudyTour Beyoundboarders BHMS Boarder BritishBoardingTaster Buckswood BurlingtonSchool Education EducationAdvisor England English EnglishExperience image JaemeOverseas LanguageSchool LifeinUK LSCMalta Lucern Oxford Promotion social StudyinUK Summer Camp Summercourse Switzerland UK UKBoardingSchool UKlife United Kingdom University video ซัมเมอร์อังกฤษ ฝึกภาษา เรียนซัมเมอร์ เรียนต่อต่างประเทศ เรียนภาษาต่างประเทศไม่เกินแสน เรียนภาษาร้องหาเจ๊ เรียนอังกฤษ โปรแกรมซัมเมอร์ ไปอังกฤษคิดถึงเจ๊

ทำไมต้องเจ๊หมีโอเวอร์ซีส์?

เพราะเราบริการด้วยใจ ให้คำตอบ แก้ไขปัญหาด้วยความรู้ ครบเครื่องเรื่องเรียนต่ออังกฤษ ภายใต้คอนเซปต์ 
“ไปอังกฤษ..คิดถึงเจ๊!”

เรื่องล่าสุด

  • เรียน ENG 🇬🇧 เติม Vitamin SEA 🏝 ที่ London School of Commerce เพียง 219 บาท/ชั่วโมง 💰🐻✈️⁣ ตุลาคม 12, 2020
  • #เรียนภาษาที่อังกฤษ ค่าเรียนถูกมาก! @Burlington เฉลี่ยเพียงสัปดาห์ละ 6,800 บาท! พฤศจิกายน 12, 2019
  • STUDY TOUR IN TOTNES – ไปซัมเมอร์ที่อังกฤษ 2020 พฤศจิกายน 12, 2019

Contacts

เจ๊หมีโอเวอร์ซีส์
999/65 Watcharapol Rd., Khlong Thanon, Sai Mai, Bangkok 10220
Office 095 456 9145
explore@jmeoverseas.com
Email
Facebook
YouTube
Instagram

© Copyright 2025 JMEOVERSEAS